ข้อมูลพื้นฐานจังหวัดหนองคาย
หนองคาย เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตั้งอยู่ในแอ่งสกลนครและอยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 เป็นจังหวัดชายแดนซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดฝั่งแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับประเทศลาว มีพื้นที่แคบแต่ยาว และมีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการชมบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา
ประวัติศาสตร์
เมืองหนองคายมีชื่อปรากฏอยู่ในพงศาวดารล้านช้างตลอดยุคสมัย ดังเช่นปรากฏเป็นชื่อเมืองเวียงคุก เมืองปะโค เมืองปากห้วยหลวง (อำเภอโพนพิสัยในปัจจุบัน) และนอกจากนี้ยังปรากฏในศิลาจารึกจำนวนมากที่กษัตริย์แห่งเวียงจันทน์ได้สร้างไว้ในบริเวณจังหวัดหนองคาย โดยเฉพาะเมืองปากห้วยหลวงเป็นเมืองลูกหลวง นอกจากนี้ในรัชสมัยพระเจ้าวรรัตนธรรมประโชติฯ พระราชโอรสในพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ได้ตั้งสมเด็จพระสังฆราชวัดมุจลินทรอารามอยู่ที่เมืองห้วยหลวง และยังพบจารึกที่วัดจอมมณี ลงศักราช พ.ศ. 2098 จารึกวัดศรีเมือง พ.ศ. 2109 จารึกวัดศรีบุญเรือง พ.ศ. 2151 เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบโบราณสถานอิทธิพลล้านช้างจำนวนมาก เช่น พระธาตุต่าง ๆ โดยเฉพาะพระธาตุบังพวน สร้างก่อน พ.ศ. 2106 จารึกวัดถ้ำสุวรรณคูหา (อำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู) ลงศักราช พ.ศ. 2106 กล่าวถึงพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ได้อุทิศข้าทาสและที่ดินแก่วัดถ้ำสุวรรณคูหา และได้สร้างพระพุทธรูปไว้ที่พระธาตุบังพวนอีกด้วย
เมื่อ พ.ศ. 2322 กองทัพสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ชัยชนะกรุงศรีสัตนาคนหุตเวียงจันทน์แล้ว หัวเมืองหนองคายยังอยู่ใต้ความควบคุมของเวียงจันทน์เช่นเดิมหลังกรณีเจ้าอนุวงศ์ พ.ศ. 2369 – 2370 ฝ่ายกรุงเทพฯ มีนโยบายอพยพผู้คนมาฝั่งภาคอีสานจึงยุบเมืองเวียงจันทน์ปล่อยให้เป็นเมืองร้าง ชาวเมืองเวียงจันทน์บางส่วนก็อพยพมาภาคกลางและบางส่วนก็อยู่ที่บริเวณเมืองเวียงคุก เมืองปะโค (อำเภอเมืองหนองคายในปัจจุบัน) เมื่อจัดการบ้านเมืองเรียบร้อยแล้ว เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) อัครมหาเสนาบดีสมุหนายก จึงกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ท้าวสุวอ (บุญมา) เป็นเจ้าเมือง ยกบ้านไผ่ (ละแวกเดียวกับเมืองปะโคเมืองเวียงคุก) เป็นเมืองหนองคาย ท้าวสุวอเป็น “พระปทุมเทวาภิบาล ต้นตระกูล ณ หนองคาย” เจ้าเมืองคนแรก มีเจ้าเมืองต่อมาอีก 2 คน คือ พระปทุมเทวาภิบาล (เคน ณ หนองคาย) ผู้เป็นบุตรและพระยาปทุมเทวาภิบาล (เสือ ณ หนองคาย) ผู้เป็นหลาน
เมื่อ พ.ศ. 2428 เกิดสงครามปราบฮ่อครั้งที่สองในบริเวณทุ่งไหหิน (ทุ่งเชียงคำ) พวกฮ่อกำเริบตีมาจนถึงเวียงจันทน์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบข่าวศึกฮ่อ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมขณะดำรงพระอิสริยศเป็น กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม เป็นแม่ทัพปราบฮ่อครั้งนั้นจนพวกฮ่อแตกหนี และสร้างอนุสาวรีย์ปราบฮ่อไว้ที่เมืองหนองคาย เมื่อ พ.ศ. 2429 ต่อมาใน พ.ศ. 2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมดำรงตำแหน่งข้าหลวงมณฑลลาวพวน (ภายหลังเปลี่ยนเป็นมณฑลอุดร) ได้ตั้งที่ทำการที่เมืองหนองคาย ครั้นเกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ไทยถูกกำหนดเขตปลอดทหารภายในรัศมี 50 กิโลเมตรจากชายแดน จึงย้ายกองบัญชาการมลฑลลาวพวนมาตั้งที่ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติปกครองพื้นที่ขึ้นโดยให้ยกเลิกระบอบเจ้าปกครองทั่วประเทศ ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ 2458 กระทรวงมหาดไทยจึงได้มีคำสั่งสถาปนาเมืองข้าหลวงปกครอง ซึ่งต่อมาเรียกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด และในปี พ.ศ. 2476 ได้มีการจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นจังหวัดและอำเภอ หนองคายจึงได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัด
ในปี พ.ศ. 2554 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. 2554[4] มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2554 โดยให้แยกอำเภอบึงกาฬ อำเภอปากคาด อำเภอโซ่พิสัย อำเภอพรเจริญ อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล และอำเภอบุ่งคล้า ออกจากจังหวัดหนองคาย ไปตั้งเป็นจังหวัดบึงกาฬ
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้งและอาณาเขต
จังหวัดหนองคาย มีเนื้อที่ประมาณ 3,026.534 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,891,583 ไร่ (นับเป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดของภาคอีสาน โดยพื้นที่ทั้งหมดก่อนที่จังหวัดบึงกาฬจะแยกตัวไป มีประมาณ 7,332 ตารางกิโลเมตร[5]) ลักษณะเป็นรูปยาวเรียงทอดไปตามลำน้ำโขง ซึ่งเป็นเส้นกั้นเขตแดนกับประเทศลาว มีความยาวทั้งสิ้น 195 กิโลเมตร ความกว้างของพื้นที่ที่ทอดขนานไปตาม ลำน้ำโขงโดยเฉลี่ย 20 – 25 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานครตามทางหลวงแผ่นดินสาย 2 (มิตรภาพ) ประมาณ 615 กิโลเมตร และมีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับกำแพงนครเวียงจันทน์ เขตเมืองหลวงของประเทศลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นแนวพรมแดน
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอปากคาด และอำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ
- ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร อำเภอเพ็ญ อำเภอสร้างคอม อำเภอบ้านดุง อำเภอนายูง และอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอปากชม จังหวัดเลย
ภูมิประเทศและภูมิอากาศ
สภาพภูมิประเทศของจังหวัดหนองคายมีลักษณะทอดยาวตามลำน้ำโขง จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดชายแดนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีอาณาเขตติดกับกรุงเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นเขตแดน จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดชายแดนที่มีเอกลักษณ์พิเศษโดยมีพื้นที่ทอดขนานยาวไปตามลำน้ำโขง ความกว้างของพื้นที่ทอดขนานไปตามลำน้ำโขงโดยเฉลี่ยประมาณ 20 – 25 กิโลเมตร ช่วงที่กว้างที่สุดอยู่ที่อำเภอเฝ้าไร่ และช่วงที่แคบที่สุดอยู่ที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคายมีอำเภอที่อยู่ติดกับลำน้ำโขง 6 อำเภอ คือ อำเภอสังคม อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอเมือง อำเภอโพนพิสัย และอำเภอรัตนวาปี และมีอาณาเขตติดต่อกับ ประเทศลาว คือ แขวงเวียงจันทน์ นครหลวงเวียงจันทน์ และแขวงบอลิคำไซ
จังหวัดหนองคายมีจุดผ่านแดนไป ประเทศลาว รวม 6 จุด เป็นจุดผ่านแดนถาวร 2 จุด และจุดผ่อนปรน 4 จุด จุดผ่านแดนที่สำคัญและเป็นสากล คือ ด่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาว ซึ่งรัฐบาลออสเตรเลีย-ไทย-ประเทศลาว ร่วมมือกันสร้างและเป็นประตูไปสู่อินโดจีน
ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง แยกได้เป็น 4 บริเวณ คือ
- พื้นที่ค่อนข้างราบ ได้แก่ เขตอำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ และอำเภอศรีเชียงใหม่ ซึ่งใช้ประโยชน์ในการทำนา และปลูกพืชบริเวณริมน้ำโขง
- พื้นที่เป็นคลื่นลอนลาด กระจายอยู่ทุกอำเภอเป็นหย่อมๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ทำนาและปลูกพืชไร่ พืชสวนและป่าธรรมชาติ
- พื้นที่เป็นคลื่นลอนชันและเป็นเขาเป็นป่าธรรมชาติ เช่น ป่าไม้เต็งรัง เบญจพรรณ พบในเขตอำเภอสังคม
- สภาพพื้นที่เป็นภูเขาที่มีความสูงชัน จากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 200 เมตร เป็นบริเวณเทือกเขาต่างๆ ทางทิศตะวันตกในเขตอำเภอสังคม
เนื่องจากแม่น้ำโขงไหลผ่านอำเภอต่างๆ เกือบทุกอำเภอ จึงก่อให้เกิดประโยชน์ในการเกษตรกรรม ราษฎรได้อาศัยแม่น้ำโขงเป็นแหล่งน้ำที่ใช้เพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะราษฎรที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขง จะได้รับประโยชน์มากกว่าราษฎรที่อยู่ลึกเข้าไปจากแม่น้ำโขง นอกจากนี้สำนักงานพลังงานแห่งชาติได้จัดตั้งสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า ในพื้นที่ 9 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 82 สถานี เพื่อทำการสูบน้ำจากแม่น้ำโขงและแหล่งน้ำอื่น ๆ ขึ้นมาใช้เพื่อการเกษตรกรรม
ลักษณะอากาศจัดอยู่ในจำพวกฝนแถบร้อนและแห้งแล้ง (ธ.ค. – ม.ค.) ในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะเริ่มลดในเดือนพฤศจิกายนและต่ำสุดในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม เป็นช่วงเปลี่ยนฤดู อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนมีนาคม และร้อนจัดในเดือนเมษายน ในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ (มิ.ย.- ก.ค.) อุณหภูมิโดยทั่วไปจะลดลง และในเดือนตุลาคมอุณหภูมิจะเริ่มลดลงจนอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิต่ำสุดรายปีอยู่ที่ 9.50 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดรายปีอยู่ที่ 40.60 องศาเซลเซียสเฉลี่ยรายปีอยู่ที่ 26.46 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนทั้งปีอยู่ที่ 1,843.6 มิลลิเมตรต่อปี
ยุบข้อมูลภูมิอากาศของจังหวัดหนองคาย เดือน ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ทั้งปี อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) 29.3
(84.7)31.6
(88.9)34.3
(93.7)35.7
(96.3)33.7
(92.7)32.5
(90.5)32.0
(89.6)31.4
(88.5)31.6
(88.9)31.3
(88.3)30.1
(86.2)28.6
(83.5)31.84
(89.32)อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) 16.2
(61.2)18.6
(65.5)21.4
(70.5)23.8
(74.8)24.3
(75.7)24.7
(76.5)24.5
(76.1)24.3
(75.7)24.0
(75.2)22.7
(72.9)19.4
(66.9)15.9
(60.6)21.65
(70.97)หยาดน้ำฟ้า มม (นิ้ว) 7.0
(0.276)10.5
(0.413)30.7
(1.209)89.5
(3.524)240.3
(9.461)278.5
(10.965)249.3
(9.815)336.7
(13.256)275.6
(10.85)76.6
(3.016)12.2
(0.48)3.3
(0.13)1,610.2
(63.394)วันที่มีหยาดน้ำฟ้าโดยเฉลี่ย 2 3 5 8 17 19 20 22 18 9 2 1 126 แหล่งที่มา: Thai Meteorological Department การเมืองการปกครอง
การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 62 ตำบล 678 หมู่บ้าน มีรายชื่ออำเภอตามหมายเลขในแผนที่ดังนี
หมายเลข อำเภอ ประชากร
(พ.ศ. 2560)พื้นที่
(ตร.กม.)ความหนาแน่น
(คน/ตร.กม.)รหัสไปรษณีย์ 1 อำเภอเมืองหนองคาย 150,629 607.5 244.41 43000, *43100 2 อำเภอท่าบ่อ 83,072 355.3 233.45 43110 3 อำเภอโพนพิสัย 98,846 642.7 152.61 43120 4 อำเภอศรีเชียงใหม่ 30,901 198.0 154.98 43130 5 อำเภอสังคม 25,294 449.7 55.09 43160 6 อำเภอสระใคร 26,784 210.9 125.30 43100 7 อำเภอเฝ้าไร่ 52,251 255.9 203.01 43120 8 อำเภอรัตนวาปี 38,768 204.007 189.20 43120 9 อำเภอโพธิ์ตาก 15,341 102.5 149.29 43130 รวม 521,886 3,027.280 124.5 *43100 ปณ.หนองสองห้อง การปกครองส่วนท้องถิ่น
มีจำนวนทั้งสิ้น 67 แห่ง แบ่งออกเป็นเทศบาลเมือง 2 แห่ง เทศบาลตำบล 17 แห่ง และ องค์การบริหารส่วนตำบล 48 แห่ง โดยเทศบาลสามารถจำแนกได้ตามพื้นที่ดังนี้
รายนามและรายพระนาม เจ้าเมืองและผู้ว่าราชการ
รายนาม ปีที่ดำรงตำแหน่ง พระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา ณ หนองคาย) พ.ศ. 2370 – 2395 พระปทุมเทวาภิบาล (ราชบุตร) พ.ศ. 2397 – 2400 พระยาวุฒาธิคุณ (เคน ณ หนองคาย) พ.ศ. 2400 – 2441 พระยาปทุมเทวาภิบาล (เสือ ณ หนองคาย) พ.ศ. 2441 – 2458 1. พระยาสมุทศักดารักษ์ (เจิม วิเศษรัตน์) พ.ศ. 2458 – 2462 2. หม่อมเจ้าโสตถิผล ชมพูนุช พ.ศ. 2462 – 2463 3. พระยาบริหารราชอาณาเขต (ยิ้ม นิลโยธิน) พ.ศ. 2463 – 2470 4. พระปทุมเทวาภิบาล (เยี่ยม เอกสิทธิ์) พ.ศ. 2470 – 2479 5. หลวงบริบาลนิคมเขตร์ (ชวน ทรัพย์สาร) พ.ศ. 2479 – 2480 6. หลวงพำนักนิกรชน (อุณท์ สมิตามร) พ.ศ. 2480 – 2481 7. พระบริรักษ์ภูธร (เพิ่ม กนิษฐายน) พ.ศ. 2481 – 2482 8. พอ.พระศรีราชสงคราม (ศรี สุขะวาที) พ.ศ. 2482 – 2483 9. พอ.หลวงยุทธสารประสิทธิ์ (แม้น โรหิตเศรนี) พ.ศ. 2483 – 2484 10. พระบรรณศาสารสาทร (สง่า คุปตารักษ์) พ.ศ. 2484 – 2486 11. นายปกรณ์ อังคศุสิงห์ พ.ศ. 2486 – 2490 12. ร.ท.ถวิล ระวังภัย พ.ศ. 2490 – 2490 13. นายชาญ จารุวัสตร์ พ.ศ. 2490 – 2492 14. นายแสวง รุจิรัต พ.ศ. 2492 – 2494 15. นายชุณห์ นกแก้ว พ.ศ. 2494 – 2495 16. นายอรรถ วิสูตรโยธาภิบาล พ.ศ. 2495 – 2497 17. นายกำจัด ผาติสุวัณณ พ.ศ. 2497 – 2502 18. นายสมอาจ กุยยถานนท์ พ.ศ. 2502 – 2503 19. พล.ต.ต.สามารถ วายวานนท์ พ.ศ. 2503 – 2505 20. นายเจริญ ปานทอง พ.ศ. 2505 – 2510 รายนาม ปีที่ดำรงตำแหน่ง 21. พลตรีวิทย์ นิ่มนวล พ.ศ. 2510 – 2514 22. พลตรีชาย อุบลเดชประชารักษ์ พ.ศ. 2514 – 2517 23. นายกัมพล กลิ่นสุคนธ์ พ.ศ. 2517 – 2519 24. นายชำนาญ พจนา พ.ศ. 2519 – 2521 25. นายกุศล ศานติธรรม พ.ศ. 2521 – 2525 26. นายศักดา อ้อพงศ์ พ.ศ. 2525 – 2529 27. นายสันติ มณีกาญจน์ พ.ศ. 2529 – 2532 28. ร.ต.สนั่น ชานีรัตน์ พ.ศ. 2532 – 2534 29. ร.ต.ไมตรี ในยะกุล พ.ศ. 2534 – 2535 30. นายอนันต์ แจ้งกลีบ พ.ศ. 2535 – 2538 31. นายสนิทวงศ์ อุเทศนันท์ พ.ศ. 2538 – 2541 32. นายสันติ เกรียงไกรสุข พ.ศ. 2541 – 2541 33. นายบรรทัด สิงหบุตร พ.ศ. 2541 – 2543 34. นายบุณยรงค์ นิลวงศ์ พ.ศ. 2543 – 2544 35. นายธวัช เสถียรนาม พ.ศ. 2544 – 2545 36. ดร.วงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ พ.ศ. 2545 – 2548 37. นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ พ.ศ. 2548 – 2550 38. นายเจด็จ มุสิกวงศ์ พ.ศ. 2550 – 2551 39. นายกวี กิตติสถาพร พ.ศ. 2551 – 2552 40. นายคมสัน เอกชัย พ.ศ. 2552 – 2553 41. นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ พ.ศ. 2553 – 2557 42. นายสุชาติ นพวรรณ พ.ศ. 2557 – 2560 43. นายรณชัย จิตรวิเศษ พ.ศ. 2560 – 2563 44. นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ พ.ศ. 2563 – ปัจจุบัน ประชากร
สถิติประชากรตามทะเบียนราษฎร
จังหวัดหนองคาย[8]ปี (พ.ศ.) ประชากร 2549 899,580 2550 902,618 2551 906,877 2552 907,250 2553 912,937 2554 *509,870 2555 512,439 2556 514,943 2557 517,260 2558 519,580 2559 520,363 2560 521,886 * ปี พ.ศ. 2554 ประชากรจังหวัดหนองคายลดลงเนื่องจากการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ
กลุ่มชาติพันธุ์
เนื่องจากจังหวัดหนองคายมีชายแดนติดต่อกับประเทศลาวกว่า 200.82 กิโลเมตร และเป็นเมืองหน้าด่านในการทำสงครามในสมัยก่อน จึงทำให้มีการกวาดต้อนอพยพผู้คนจากทั้งฝั่งประเทศลาวและไทย (ในปัจจุบัน) ข้ามไปมา จึงทำให้มีกลุ่มคนหลายชาติพันธุ์ในจังหวัดหนองคาย แต่อย่างไรก็ตามในบันทึกทางประวัติศาสตร์ ได้บ่งบอกว่ามีกลุ่มคนที่อาศัยเป็นเมืองอยู่ในบริเวณนี้อยู่เดิม ได้แก่ เมืองพานพร้าว (อำเภอศรีเชียงใหม่) และเมืองปากห้วยหลวง (อำเภอโพนพิสัย) ซึ่งเป็นหนึ่งในอาณาจักรล้านช้าง
การอพยพครั้งที่สำคัญ มีดังต่อไปนี้
- เจ้าพระยาจักรี (รัชกาลที่ 1) ในสมัยกรุงธนบุรี ได้ตีเมืองเวียงจันทน์ ต่อมาใน พ.ศ. 2321 ได้กวาดต้อนผู้คนจากเวียงจันทน์ มาไว้ที่พานพร้าว ปะโค เวียงคุก
- สมัยเจ้าอนุวงศ์ พ.ศ. 2369 มีการกวาดต้อนผู้คนในเขตหัวเมือง ไปไว้ที่เวียงจันทน์
- พ.ศ. 2371 เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) รบชนะเจ้าอนุวงศ์ กวาดต้อนผู้คนกลับมาไว้ฝั่งไทย
- สมัยสงครามอินโดจีน พ.ศ. 2436 มีการอพยพมาอยู่ฝั่งไทยเกือบครึ่งเมือง โดยพระยาศรีสุรศักดิ์ เจ้าเมืองบริคัณฑนิคม มาอยู่บ้านหนองแก้ว (ปัจจุบันคือ อำเภอรัตนวาปี) และพระกุประดิษฐ์บดี เจ้าเมืองจันทบุรี อพยพมาบ้านท่าบ่อเกลือ (ปัจจุบันคือ อำเภอท่าบ่อ)
ในปัจจุบันกลุ่มคนที่อพยพมาอยู่ในเขตจังหวัดหนองคาย ได้มีการปรับตัวและปรับเปลี่ยนเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กลมกลืนกับชาวพื้นเมืองที่ตั้งถิ่นฐานอยู่เดิมจนแทบไม่เห็นความแตกต่าง ทั้งการแต่งกาย ที่อยู่อาศัย ประเพณีต่าง ๆ จะสังเกตได้เฉพาะสำเนียงของภาษาพูด ที่ยังคงเหลือเค้าให้ทราบว่า เดิมเป็นชนเผ่าไหน ซึ่งพอจำแนก ได้ดังนี้
- กลุ่มชาวลาวเวียงจันทน์ เนื่องจากมีอาณาเขตที่ใกล้เคียงกับเวียงจันทร์ จึงน่าจะเรียกว่าชาวเวียงจันทน์ ถือว่าเป็นกลุ่มชนที่มากที่สุดในจังหวัดหนองคาย โดยเฉพาะท้องที่อำเภอ อำเภอเมืองหนองคาย,อำเภอศรีเชียงใหม่, อำเภอท่าบ่อ และอำเภอโพนพิสัย
- กลุ่มชาวไทอีสาน/ลาวอีสาน เนื่องจากเดิมเป็นอาณาจักรล้านช้างจึงนับเป็นกลุ่มลาวล้านช้างด้วยแต่ถึงอย่างไร หน้าตา ผิวพรรณ สำเนียงการพูด ก็แตกต่างจากชาวลาวเวียงจันทน์
- กลุ่มไทพวน มีถิ่นฐานเดิมจากเมืองพวน แขวงเชียงขวาง ประเทศลาว อาศัยอยู่ที่อำเภอศรีเชียงใหม่
- กลุ่มไทลื้อ/ไทด่าน/ไทเหนือ เป็นกลุ่มที่อพยพมาจากเมืองหลวงพระบางและอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ปัจจุบันอยู่ที่อำเภอสังคมและอำเภอโพธิ์ตาก
- กลุ่มคนญวน อพยพมาในสมัยสงครามอินโดจีน พร้อมๆ กับเจ้าเมืองจันทบุรี มาอยู่ที่อำเภอท่าบ่อ
ตามประวัติศาสตร์เดิม มีกลุ่มคนที่เป็นชาติพันธุ์ต่างๆ อพยพมาที่จังหวัดหนองคายมากกว่านี้ แต่ปัจจุบัน ไม่สามารถหาหลักฐาน หรือ สิ่งบอกเหตุว่าเป็นชนกลุ่มนั้นๆ หรือไม่ เนื่องจากมีการกลมกลืนกันเป็นไทอีสาน เกือบหมดแล้ว และมีบางส่วนที่เป็นกลุ่มคนที่อพยพมาจากจังหวัดอื่นๆ มาตั้งถิ่นฐานในอำเภอรัตนวาปี และอำเภอโพนพิสัย ซึ่งเรียกว่า ไทครัว เพราะในหมู่บ้านหนึ่งๆ จะมาจากหลากหลายจังหวัดและไม่สามารถสืบสานชาติพันธุ์ได้และปัจจุบันก็กลมกลืนกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่เดิมเกือบหมดแล้ว
การศึกษา
ดูบทความหลักที่: รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดหนองคายจังหวัดหนองคาย มีสถาบันการศึกษาหลายแห่ง โดยแบ่งเป็นระดับประถมศึกษา ทั้งหมด 2 เขต และมัธยมศึกษาอีก 1 เขต ซึ่งครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดหนองคายทั้งหมด 31 แห่ง นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนมัธยมศึกษาในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคายอีก 1 แห่ง
สถานศึกษาในระดับอาชีวศึกษาทั้งรัฐและเอกชน ปัจจุบันอยู่ในกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรรมการการอาชีวศึกษาทั้งหมด ส่วนสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาที่สำคัญ ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ศูนย์หนองคาย, สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1, มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตหนองคาย
สาธารณสุข
- โรงพยาบาลทั่วไป
- โรงพยาบาลชุมชน
- โรงพยาบาลเอกชน
เศรษฐกิจ
เกษตรกรรม
ประชากรโดยส่วนมากจะประกอบอาชีพทางการเกษตร เช่น ทำนา ทำสวน ทำไร่ ใช้ประโยชน์ที่ดินส่วนใหญ่เพื่อการเกษตร คิดเป็นร้อยละ 57.29 ของพื้นที่จังหวัด หรือ 2,625,441 ไร่ ซึ่งพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว (นาปี) และยางพารา
นอกจากนั้น ยังมีการเลี้ยงปศุสัตว์และการทำประมง โดยปศุสัตว์ที่มีมูลค่าผลผลิตมากที่สุด คือ ไก่ไข่ สุกร โคพื้นเมือง เป็ดไข่ ไก่เนื้อ กระบือ เป็ดเนื้อ และโคพันธุ์ ส่วนด้านการประมงนั้น มีทั้งการเลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อดิน บ่อซีเมนต์ กระชัง การจับสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ การจับสัตว์น้ำในแม่น้ำโขง และการจับสัตว์น้ำในแหล่งน้ำอื่นๆ
อุตสาหกรรม
ทางด้านอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมที่สำคัญของจังหวัดหนองคาย คือ โรงสีข้าว อุตสาหกรรมยางพารา และอุตสาหกรรมแปรูปไม้ นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ คือ อัดเศษโลหะ อัดเศษกระดาษและบดย่อยพลาสติก ซ่อมรถยนต์ ทำน้ำแข็งก้อนเล็ก ห้องเย็นทำวงกบประตูหน้าต่าง และเครื่องเรือนเครื่องใช้จากไม้ และในอนาคต จังหวัดหนองคายยังได้ถูกให้พัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในระยะที่ 2 ซึ่งจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมนั้นเจริญเติบโตมากขึ้น
การขนส่ง
การขนส่ง
- รถยนต์
จากกรุงเทพมหานคร ใช้ถนนพหลโยธินจนถึงจังหวัดสระบุรี บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 107 แล้วแยกขวาเข้าถนนมิตรภาพ ผ่านจังหวัดนครราชสีมา} จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดอุดรธานี จนไปถึงจังหวัดหนองคาย
- รถโดยสารประจำทาง
สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดหนองคาย มีบริการรถโดยสารประจำทางทั้งรถโดยสารธรรมดาและปรับอากาศ ทั้งรถที่มาจากกรุงเทพฯ และจากหนองคายไปยังจังหวัดต่างๆ ผู้ให้บริการรถโดยสารที่สำคัญ อาทิ ชาญทัวร์, แอร์อุดร, เชิดชัยทัวร์, 407 พัฒนา, บุษราคัมทัวร์, รุ่งประเสริฐทัวร์, ชัยภูมิจงเจริญขนส่ง และนครชัยแอร์ นอกจากนี้ บริษัท ขนส่ง จำกัด ยังให้บริการรถโดยสารระหว่างประเทศอยู่สองเส้นทาง ดังนี้
- สายที่ 1 หนองคาย – เวียงจันทน์
- สายที่ 9 อุดรธานี – หนองคาย – วังเวียง
ในปัจจุบัน จังหวัดหนองคายมีสถานีขนส่งผู้โดยสารทั้งหมด 2 แห่ง ได้แก่
- สถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลเมืองหนองคาย ตั้งอยู่ที่ถนนประจักษ์ศิลปาคม ตำบลในเมือง อำเภอเมืองหนองคาย
- สถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลตำบลโพนพิสัย ตั้งอยู่ที่ถนนภิรมยาราม ตำบลจุมพล อำเภอโพนพิสัย
การขนส่งในตัวจังหวัดหนองคาย ประกอบไปด้วย รถสองแถวกับรถสามล้อเครื่อง (รถเหมา) ซึ่งคิดค่าโดยสารตามระยะทาง และแท็กซี่ ซึ่งคิดค่าโดยสารตามระยะทางบนมิเตอร์
ทางราง
การรถไฟแห่งประเทศไทยให้บริการขบวนรถไฟจากกรุงเทพฯ มายังสถานีรถไฟหนองคายทุกวัน โดยขบวนรถไฟที่มีศักย์สูงที่สุดคือรถด่วนพิเศษอีสานมรรคา ซึ่งเป็นรถไฟกลางคืนที่ให้บริการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2559
ทางอากาศ
จังหวัดหนองคายไม่มีท่าอากาศยาน โดยท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานีเป็นท่าอากาศยานที่อยู่ใกล้กับตัวจังหวัดที่สุด ห่างจากตัวจังหวัดหนองคายเป็นระยะทาง 51 กิโลเมตร
วัฒนธรรม
ประชาชนชาวจังหวัดหนองคาย ยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีเหมือนคนไทยทั่วไปในภาคอีสาน คือ ฮีตสิบสอง คลองสิบสี่ เป็นแนวทางการดำรงชีวิตซึ่งทำให้แดนอีสานอยู่กันด้วยความผาสุก ร่มเย็นตลอดมา โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับปีฮีดสิบสอง ดังนี้ เดือนอ้ายบุญเข้ากรรม เดือนยี่บุญคูณลาน เดือนสามบุญข้าวจี่ เดือนสี่บุญพระเวส เดือนห้าบุญสรงน้ำหรือบุญตรุษสงกรานต์ เดือนหกบุญบั้งไฟ เดือนเจ็ดบุญชำฮะ เดือนแปดบุญเข้าพรรษา เดือนเก้าบุญข้าวประดับดิน เดือนสิบบุญข้าวสาก เดือนสิบเอ็ดบุญออกพรรษา และเดือนสิบสองบุญกฐิน
เทศกาลและงานประเพณีที่สำคัญ ได้แก่
- ประเพณีสงกรานต์ จัดขึ้นที่วัดโพธิ์ชัย ในวันที่ 13 เมษายนของทุกปี
- งานนมัสการหลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ จัดขึ้นที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ อำเภอท่าบ่อ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4
- งานอนุสาวรีย์ปราบฮ่อ จัดประมาณเดือนมีนาคมของทุกปี ที่บริเวณอนุสาวรีย์ปราบฮ่อ
- ประเพณีบุญบั้งไฟ จัดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 6 (พฤษภาคม) และวันเพ็ญเดือน 7 (มิถุนายน) ของทุกปี
- งานแห่เทียนเข้าพรรษา จัดขึ้นก่อนวันเข้าพรรษา หรือวันอาสาฬบูชา ของทุกปี
- ประเพณีแข่งเรือ จัดขึ้นก่อนวันออกพรรษา โดยมีการแข่งเรือยาวในลำน้ำโขง ประชาชนได้จัดเรือแข่งจากอำเภอต่าง ๆ และบางปีก็มีเรือจากประเทศลาวมาร่วมการแข่งขันด้วย
- ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จัดให้มีขึ้นควบคู่กันกับงานแข่งเรือ เพื่อนมัสการพระธาตุหล้าหนอง
- วันออกพรรษา เป็นวันทำบุญประจำของท้องถิ่น โดยมีการตักบาตรเทโวภายในเขตอำเภอเมือง
- ธีรนัยน์ ณ หนองคาย
- นาวาโทรุ่งเพชร ศรีหลิ่ง นักพัฒนาชุมชน
อ้างอิง
- ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและงานปกครอง. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. “ข้อมูลการปกครอง.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dopa.go.th/padmic/jungwad76/jungwad76.htm [ม.ป.ป.]. สืบค้น 18 เมษายน 2553.
- ↑ กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. “ประกาศสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร แยกเป็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://stat.bora.dopa.go.th/stat/pk/pk_57.pdf 2563. สืบค้น 5 กุมภาพันธ์ 2563.
- ↑ พระราชบัญญัติ ตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ๒๕๕๔. ราชกิจจานุเบกษา 128 (18 ก): 1. 22 มีนาคม 2554.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2554
- ↑ “The Money Drop ไทยแลนด์ 3 พ.ค.58 3/3”. ช่อง 7. 3 May 2015. สืบค้นเมื่อ 4 May 2015.
- ↑ กระโดดขึ้นไป:6.0 6.1 6.2 กลุ่มงานข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานจังหวัดหนองคาย, บรรยายสรุปจังหวัดหนองคาย
- ↑ กรมอุตุนิยมวิทยา สรุปลักษณะอากาศรายปี
- ↑ สำนักบริหารการทะเบียน. กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. “จำนวนประชากรและบ้าน.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: [1] 2560. สืบค้น 31 ธันวาคม 2560.
- ↑ ฉลองการจัดตั้งจังหวัดบึงกาฬ
- ↑ รายงานประมาณการเศรษฐกิจจังหวัดหนองคาย ปี 2554 และแนวโน้มปี 2555 ณ เดือนกันยายน 2554
- ↑ กระทรวงพลังงาน, ฐานข้อมูลพลังงาน จ.หนองคาย
- ↑ รายงานสถานการณ์อุตสาหกรรมจังหวัดหนองคาย